summer 2012

19 ก.ค. 2554

เปิดตัว Hiroshima Tumbler& Mug ตัวใหม่แล้ว


สวัสดีค่ะ 

ช่วงนี้ที่ญี่ปุ่นมีการเปิดตัวสินค้าของสตาร์บัึคหลายตัวมากๆ
ไ่ม่ว่าจะเป็น Tumbler Mug
 หรือสินค้าพิเศษเอาใจแฟนๆโดยเฉพาะ

แต่วันนี้เรามาดูการเปิดตัว Tumbler และ Mug ประจำเมืองตัวใหม่กันค่ะ
emoji100414.gifmug cup

ช่วงนี้มีอะไรใหม่ๆออกมาถี่มาก
 ถ้าไม่ได้ข่าวสารจากเพื่อนๆ ต้องมีการตกข่าวกันแน่ๆ ค่ะ

ทั้งหมดเป็นรูปภาพของเพื่อนผู้น่ารักที่อยู่ฮิโรชิม่า
ถ่ายมาให้ดูก่อนตั้งนานแล้วค่ะ

ส่วนของจริงเพื่อนจะส่งตามมาทีหลังค่ะ

 Hiroshima Tumbler& Mug 
ที่เพิ่งเปิดตัวกันไปเมื่อวันที่ 13 กค 2011 นี้เองค่ะ
ก่อนเปิดตัวก็มีการขึ้นป้ายให้ลุ้นให้ตื่นเต้นว่าจะเป็นลวดลายเป็นไหน


ก่อนอื่นไปดูภาพลวดลายแบบเก่ากันก่อนนะคะ
เป็นอย่างนี้ค่ะ 
(ความหมายของลวดลายเดี๋ยวเล่าให้พังพร้อมภาพแบบใหม่นะคะ)



ในที่สุดก็เปิดตัวแล้ว 



ไปดูภาพของจริงกันเลย



 แบบ Mug ยังมีแบบเก่าวางอยู่ข้างๆ ด้วย

มาดูภาพจากโฮมเพจกันชัดๆ ดีกว่าค่ะ 顔(笑)


เด่นด้วยคำว่า Hiroshima สีแดง
ตัว Tumbler เป็นลักษณะภาพวาดคล้ายๆ ดินสอสีไม้บนพื้นสีขาวสะอาด
จะเห็นได้ว่าในภาพมี  折鶴(おりづる)โอริซึรุ 
ซึ่งก็คือนกกระดาษรูปนกกระเรียนตัวใหญ่โดดเด่นมาก 
ส่วนเรื่องราวจะเกี่ยวข้องกับฮิโรชิม่ายังไง
เดี๋ยวเล่าให้ฟังด้านล่างนะคะ

ข้างๆ จะมี 鳥居(とりい)โทริอิ
คือเสาแดงศักดิ์สิทธิ์ เป็นประตูทางเข้าของศาลเจ้าชินโต
ซึ่งที่ฮิโรชิม่าจะโดดเด่นมาก เพราะจะตั้งอยู่กลางทะเลบนเกาะมิยาจิมะ
ซึ่งถือว่าเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ของที่นั่นค่ะ
(จะเห็นว่า Tumbler และ Mug แบบเก่าจะมีโทริอิปรากฏอยู่ด้วยค่ะ)


มีใบโมมิจิ ที่เป็นชนิดของใบไม้แดงลอยเด่นอยู่ด้านบน Tumbler
เพราะที่เกาะมิยาจิมะเวลาช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะเด่นเรื่องใบไม้แดงสวยมากค่ะ

ด้านล่างเป็นภาพของ Momijidani Park ในช่วงใบไม้แดง
ที่อยู่ด้านหลังของศาลเจ้า Ikutsushima ที่เกาะมิยาจิมะ จังหวัดฮิโรชิม่า
ได้ขึ้นชื่อว่ามีความงดงามมากเลยค่ะ


ถึงกับมี โมมิจิมันจู ขนมรูปใบโมมิจิ ขายกันที่นี่ด้วย


ต่อไปเป็น Hiroshima Mug ค่ะ ลวดลายจะคล้ายกัน mug cup


แต่จะมีลูกเล่นตรงหูจับ เป็นรูปปลาคาร์พว่ายทวนน้ำค่ะ 
(สังเกตุเห็นโลโก้ใหม่หรือเปล่าเอ่ย?)


ฮิโรชิม่า ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสันติภาพ
และมีความเกี่ยวข้องกับนกกระเรียนกระดาษ
จนมาสะท้อนเป็นลวดลายเด่นบน Tumbler และ Mug ได้อย่างไร?

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
เมืองฮิโรชิม่า และนางาซากิ 
เป็นสองเมืองที่ถูกระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา
ที่ต้องการหยุดกองทัพของญี่ปุ่น

ผลจากการโจมตีที่ฮิโรชิม่าทำให้มีผู้เสียชีวิตทันทีสูงถึง 2แสนคน
แต่ผลพวงของสงครามอันน่าเศร้ามันยังไม่จบแค่นั้นค่ะ
หลังจากนั้นหลายปีผู้คนก็เริ่มล้มตายด้วยโรคลูคิเมีย(มะเร็งเม็ดเลือดขาว)
เนื่องจากผลของกัมมันตภาพรังสีของระเบิดปรมาณูในตอนนั้น


และนี่เป็นเรื่องจริงของเด็กน้อย Sadako Sasaki
ที่อาศัยอยู่ที่เมืองฮิโรชิม่า เธอได้รับผลพวงจากระเบิดในครั้งนั้นด้วยเช่นกัน
คือเป็นลูคิเมีย ขณะอายุได้เพียง 11 ปี

สองปีก่อนเสียชีวิตซาดาโกะได้พยายามพับนกกระเรียน
ด้วยความเืชื่อที่ว่าเธอจะหายป่วยถ้าพับครบ 1000ตัว
แต่เธอได้เสียชีวิตลงก่อนในขณะที่พับได้แค่ 644 ตัว
หลังจากนั้นเพื่อนๆ ของเธอก็ได้ช่วยกันพับให้ครบ 1000ตัว
และฝังลงไปพร้อมกับร่างของเธอ 


เรื่องนี้เป็นเรื่องดังของเมืองฮิโรชิม่า 
และเป็นที่มาของบทประพันธ์เรื่อง "ซาดาโกะ กับนกกระเรียนพันตัว"
Sadako and the Thousand Paper Cranes
หนังสือนี้ถูกแปลขึ้นในหลายภาษา
เพื่อใช้เป็นสื่อในการสอนเรื่องสันติภาพของโลก

ขณะนี้เมืองฮิโรชิม่า กลับมาฟื้นตัวและเป็นเมืองที่น่าอยู่มาก
ถ้าใครได้มีโอกาสไป แนะนำให้ไปเยี่ยมชม
Hiroshima Peace Memorial Park
สถานที่รำลึกถึงเหตุการณ์และเหยื่อผู้เสียชีวิต
โดยมีผลพวงมาจากสงครามในครั้งนั้น
ซึ่งที่นั่นมีรูปปั้นของเด็กน้อยซาดาโกะ
ที่สร้างขึ้นเพืื่อเป็นแรงบันดาลใจในการแสวงหาสันติภาพให้แก่โลก



ใกล้ๆ บริเวณนั้นจะมี Atomic Bomb Dome
ที่แห่งนี้คืออาคารหอส่งเสริมอุตสาหกรรมฮิโรชิม่า
ที่แข็งแรงและทันสมัยที่สุดในขณะนั้น
แต่ด้วยผลพวงจากระเบิดปรมาณู ทำให้เหลือแต่โครงเหล็ก
และองค์การยูเนสโก ก็ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก
เพื่อให้เป็นสิ่งเตื่อนใจในความน่ากลัวของสงคราม
และตั้งชื่ออาคารใหม่ว่า Atomic Bomb Dome

ภาพในสมัยที่ระเบิดปรมาณูทำลายเมืองฮิโรชิม่า 
นอกจากตึกนี้แล้ว ทุกอย่างราบเป็นหน้ากองค่ะ


พร้อมทั้งแวะไปที่ Hiroshima Peace Memorial Museum


แล้วจะทราบว่าสงครามและความขัดแย้ง
เป็นเรื่องที่น่ากลัว และควรต่อต้านแค่เพียงใด

สงครามและความขัดแย้งไม่เคยให้ประโยชน์กับใคร 
ไม่ว่าผู้แพ้หรือผู้ชนะ ต่างฝ่ายต่างก็บอบช้ำไม่แพ้กันค่ะ

ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ เป็นเอกลักษณ์เด่นประจำเมือง
ที่ทาง Starbucks ได้ถ่ายทอดลงบน Hiroshima Tumbler และ Mug
ได้อย่างลงตัว และงดงามมากค่ะ

แล้วเจอกันใหม่นะคะ

ไม่มีความคิดเห็น: